ประวัติกว่าจะมาเป็นร้าน Jingjai Tattoo

ผมเองเป็นคนชอบในงานศิลปะเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทั้งศิลปะไทย ศิลปะพื้นบ้านและศิลปะร่วมสมัย แล้ววันหนึ่งผมได้พบเจอกับสิ่งที่ผมตามหามาตลอดชีวิต นั่นก็คืองานสักลายบนผิวหนังของคน ภาพที่ผมเห็นตอนนั้นมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นงานศิลปะ ซึ่งถ่ายทอดลงบนผิวหนังคน

ความรู้สึกของผม

เหมือนได้เห็นจิตกรรมฝาผนังตามโบสถ์ วัดหรือวิหาร ที่มีภาพของเทพนิยายแล้วนำมาถ่ายทอดออกเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนักสำหรับผม หลังจากนั้นสักประมาณปี 2548 สมัยที่ยังเรียนอยู่ วิทยาลัยเทคนิคเลย ผนได้ใช้เครื่องสักที่ทำเองแล้วสักให้เพื่อนฝูงแบบฟรีๆโดยไม่คิดเงินเลยสักบาท

หลังจากผมจบการศึกษา

ได้ไปทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ได้มีโอกาสสักให้เพื่อนๆที่ทำงานแบบฟรีๆไม่คิดตังค์เหมือนเดิม. จนถึงปี 2550 ผมได้ลงทุนมากรุงเทพฯ เพื่อ มาซื้อเครื่องสักที่ตะวันนา

จนถึงปี 2553

ผนก็ลาออกจากงานที่ จ.ระยอง เพื่อไปเปิดร้านที่จังหวัดเลย พอมาถึงปี 2556 ก็ตัดสินใจที่จะเทิร์นโปรสักที โดยเดินทางมาที่กรุงเทพฯเพื่อมาสมัครเป็นช่างสักประจำร้านแห่งหนึ่ง

ระหว่างที่ทำงานในร้านสัก

ผนก็ได้ประสบการณ์ ความรู้และเทคนิคใหม่ๆในการสัก หลังเก็บเกี่ยวความรู้ประสบการณ์ได้ 6 เดือนก็ตัดสินใจเปิดร้านของตัวเอง มีชื่อว่า "จริงใจ สักลาย" จนถึงทุกวันนี้...

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[ร้านสักลาย กทม.] ข่าวคราวทางร้าน Jingjai Tattoo EP 13

พระทรงเป็นดั่งสายฝนชโลมจิต  ทั่วทุกทิศโปรยปรายไปทุกถิ่น
ต่อแต่นี้สิ้นแล้วพระภูมินทร์  ทั้งแผ่นดินมิอาจกลั้นความอาลัย
ถ้าได้เกิกกี่ครั้งในชาติหน้า  จะขอตามเป็นข้ารองบาท ทุกชาติไป...

ข้าพระพุทธเจ้า ร้าน Jingjai Tattoo
(อาทิตย์ แก้วศรี - บทกลอน)


      ช่วงเวลานี้คนไทยทั้งประเทศพร้อมใจถวายความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่พระองค์ท่านทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการตลอด 70 ปี ที่ขึ้นครองราชย์ ร้าน Jingjai Tatto ในฐานะคนไทยที่เกิดบนแผ่นดินไทยและรู้คุณแผ่นดิน จะขอน้อมรับพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส เกี่ยวกับความซื่อสัตย์  ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ร้านเราได้ยึดถือมาตอลดพร้อมจะยึดถือและปฏิบัติตลอดไป...   



"...การที่ประกอบกิจใดๆ ให้เจริญเป็น ผลดีนั้น ย่อมต้องอาศัยความอุตสาหะพากเพียร ความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นรากฐานสำคัญ และพร้อมที่จะบำเพ็ญประโยชน์ให้เกิด แก่ส่วนรวมตามโอกาสอีกด้วย..."
ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท
พระราชทานแก่นิสิตที่สำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๔๙๙



"...คนที่ไม่มีความสุจริต คนที่ไม่มีความ มั่นคง ชอบแต่มักง่ายไม่มีวันจะ สร้างสรรค์ประโยชน์ส่วนรวมที่สำคัญอันใดได้ ผู้ที่มีความสุจริตและความมุ่งมั่นเท่านั้น จึงจะทำงานสำคัญยิ่งใหญ่ที่เป็นคุณ เป็นประโยชน์แท้จริงได้สำเร็จ..."
ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท
ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วันที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๒๒  



"...ความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นพื้นฐานขอความ ดีทุกอย่าง เด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้ เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมี ประโยชน์ และมีชีวิตที่สะอาดที่เจริญมั่นคง..."
 ความตอนหนึ่ง ในพระบรมราโชวาท
พระราชทานเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ปี ๒๕๓๑



"...ผู้ที่ทีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจ แม้ จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทำประโยชน์ให้ แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้มีความ รู้มากแต่ไม่มีความสุจริตไม่มีความบริสุทธิ์ใจ..."
ความตอนหนึ่ง ในพระราชดำรัส
พระราชทานแก่คณะคณาจารย์โรงเรียนต่างๆ
ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๒๓